BIGFISH ENTERPRISE LIMITED
03 July 2025

Zero Trust คืออะไร?

Zero Trust เป็นแนวคิดด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ยึดหลัก “ไม่เชื่อใจอะไรโดยอัตโนมัติ” (Never Trust, Always Verify) ไม่ว่าการเข้าถึงจะมาจากภายในหรือภายนอกองค์กร ผู้ใช้งานและอุปกรณ์ทุกประเภทจะต้องได้รับการตรวจสอบและยืนยันตัวตนก่อนเข้าถึงข้อมูลหรือทรัพยากรสำคัญในระบบ

แนวคิดนี้แตกต่างจากระบบความปลอดภัยแบบดั้งเดิมที่มักถือว่าผู้ใช้งานและอุปกรณ์ที่อยู่ “ภายใน” เครือข่ายองค์กรเป็นสิ่งที่เชื่อถือได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งในความเป็นจริงภัยคุกคามจำนวนมากเกิดขึ้นจาก บัญชีผู้ใช้ที่ถูกขโมย สิทธิ์การเข้าถึงที่เกินความจำเป็น หรืออุปกรณ์ที่ติดมัลแวร์

 

ทำไมองค์กรยุคใหม่ต้องให้ความสำคัญกับ Zero Trust?

ในยุคที่การทำงานแบบ Remote Work และ Cloud Computing กลายเป็นเรื่องปกติ เครือข่ายองค์กรไม่ได้มี “รั้ว” ชัดเจนอีกต่อไป ข้อมูลถูกจัดเก็บและเข้าถึงจากหลากหลายอุปกรณ์และสถานที่ ความเสี่ยงในการถูกโจมตีทางไซเบอร์จึงเพิ่มสูงขึ้น

Zero Trust จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ เพราะสามารถ:

ตรวจสอบทุกการเข้าถึง (Continuous Verification):
ทุกครั้งที่ผู้ใช้พยายามเข้าถึงข้อมูล ระบบจะตรวจสอบตัวตนและความปลอดภัยของอุปกรณ์แบบเรียลไทม์

ลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามภายใน (Insider Threats):
แม้ผู้ใช้งานจะมีบัญชีในระบบ ก็ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ได้

จำกัดความเสียหายเมื่อเกิดการรั่วไหล (Containment):
ด้วยหลักการ Least Privilege และ Micro-Segmentation ทำให้ผู้โจมตีไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปยังส่วนอื่นของเครือข่ายได้ง่าย

รองรับการทำงานแบบ Hybrid และ Cloud-First:
Zero Trust ออกแบบมาเพื่อความยืดหยุ่น รองรับการเข้าถึงจากอุปกรณ์และเครือข่ายหลากหลาย

 

องค์ประกอบหลักของ Zero Trust

Zero Trust ประกอบด้วยหลักการสำคัญ 3 ประการ:

1.Verify Explicitly:
ยืนยันและตรวจสอบตัวตน ผู้ใช้ อุปกรณ์ และสถานะความปลอดภัยทุกครั้ง

2.Use Least Privilege Access:
ให้สิทธิ์เข้าถึงเฉพาะที่จำเป็นตามหน้าที่ ลดโอกาสที่ข้อมูลสำคัญจะรั่วไหล

3.Assume Breach:
เตรียมพร้อมรับมือเสมอ เสมือนว่าระบบถูกบุกรุกแล้ว และออกแบบการป้องกันเพื่อจำกัดความเสียหาย

 

เริ่มต้นใช้ Zero Trust อย่างไร?

หลายองค์กรอาจมองว่า Zero Trust เป็นเรื่องซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้วสามารถเริ่มต้นได้ทีละขั้นตอน เช่น

  • จัดทำ Inventory ผู้ใช้งานและอุปกรณ์ทั้งหมด
  • ประเมินสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลสำคัญ
  • กำหนดนโยบายการยืนยันตัวตนแบบหลายชั้น (MFA)
  • ทำ Segmentation แยกเครือข่ายสำคัญ
  • ติดตาม ตรวจสอบ และวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานอย่างต่อเนื่อง

 

ภัยคุกคามทางไซเบอร์ไม่เลือกเป้าหมาย ไม่ว่าธุรกิจขนาดเล็กหรือองค์กรขนาดใหญ่ การวางรากฐาน Zero Trust จะช่วยปกป้องข้อมูลสำคัญ ลดความเสี่ยง และสร้างความเชื่อมั่นให้กับพนักงาน ลูกค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ

Zero Trust ไม่ใช่เทรนด์ แต่เป็นแนวทางความปลอดภัยที่จำเป็นต่อโลกดิจิทัลในปัจจุบัน