"VPN ยังเอาอยู่ไหม? เมื่อ Zero Trust กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของความปลอดภัยองค์กร"
ในยุคที่การทำงานแบบรีโมต แอปพลิเคชันย้ายขึ้นคลาวด์ และภัยคุกคามทางไซเบอร์พัฒนาอย่างรวดเร็ว การรักษาความปลอดภัยแบบเดิมอาจไม่เพียงพออีกต่อไป
องค์กรของคุณยังใช้ VPN อยู่หรือไม่? และถึงเวลาหรือยังที่คุณควรเปลี่ยนไปใช้ Zero Trust?
VPN ในยุคที่โลกเปลี่ยนไป: ยังเอาอยู่หรือไม่?
VPN (Virtual Private Network) เคยเป็นเครื่องมือหลักในการให้พนักงานเข้าถึงระบบองค์กรจากภายนอก โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่การทำงานจากที่บ้านกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ VPN ถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิดว่า “ถ้าเข้ามาในเครือข่ายได้ แสดงว่าไว้ใจได้” ซึ่งในโลกปัจจุบัน แนวคิดนี้อาจไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
ปัญหาทั่วไปของ VPN:
นี่คือเหตุผลที่องค์กรจำนวนมากเริ่มหันไปใช้แนวคิด Zero Trust
Zero Trust คืออะไร?
Zero Trust คือโมเดลความปลอดภัยยุคใหม่ภายใต้หลักการ: “อย่าไว้ใจใครโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกระบบองค์กร”
หลักการสำคัญของ Zero Trust:
ความเสี่ยงหากยังพึ่งพา VPN
องค์กรที่ยังใช้ VPN แบบเดิม อาจเผชิญกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น:
ทำไมองค์กรจึงหันมาใช้ Zero Trust
องค์กรระดับโลก เช่น Google (BeyondCorp) และ รัฐบาลสหรัฐฯ ต่างเปลี่ยนมาใช้ Zero Trust แล้ว เพราะเหตุผลดังนี้
ข้อดีที่เห็นได้ชัด:
จะเริ่มต้นกับ Zero Trust อย่างไร?
Zero Trust ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ แต่คือแนวทางที่ต้องค่อยๆ วางแผนและดำเนินการ
องค์กรส่วนใหญ่มักเริ่มจากเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว
ขั้นตอนแนะนำ:
Zero Trust ไม่ใช่อนาคต — มันคือ “ปัจจุบัน”
Zero Trust ไม่ได้หมายความว่า “ไม่ไว้ใจใครเลย” แต่มันหมายถึง “ให้สิทธิ์เฉพาะที่จำเป็น และต้องตรวจสอบตลอดเวลา” ในโลกยุคใหม่ที่ไม่มีขอบเขตระหว่างภายในและภายนอกองค์กรอีกต่อไป VPN เพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ Zero Trust คือพัฒนาการที่องค์กรไม่ควรมองข้ามอีกต่อไป